สิ่งพิมพ์มีพัฒนาการมาจากความต้องการด้านการเผยแพร่ข่าวสารความรู้ของมนุษย์ ทำให้มีการสร้างตัวอักษรขึ้น โดยพัฒนาจากภาพสัญลักษณ์แสดงสรรพสิ่งต่างๆ ต่อมาได้เกิดการคิดค้นเครื่องพิมพ์ กรรมวิธีการพิมพ์ระบบต่างๆ ขึ้นมาและอาศัยความรู้ทางศิลปะและการออกแบบเข้ามาช่วยเสริม เพื่อสามารถผลิตสิ่งพิมพ์ให้มีรูปแบบและคุณลักษณะที่สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อารยธรรมที่มีหลักฐานยืนยันการเริ่มต้นการพิมพ์ครั้งสำคัญ ได้แก่ ประเทศจีน
ในราวศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล สมัยราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty)ได้ปรากฎในรูปแบบของตราประทับ โดยใช้ตัวอักษรเป็นองค์ประกอบหลัก ในราวศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ทางฝั่งตะวันตกมีการพัฒนารูปแบบจากอักษรภาพในลักษณะของการสร้างสื่อสัญลักษณ์หรือเรียกว่า อักษรแทนความนึกคิด (Ideograph) ได้แก่ ตัวอักษรรูปลิ่ม (Cuneiform) ของชาวสุเมอเรียน และตัวอักษรไฮไรกลิฟิก (Hieroglyphic) ของชาวอียิปต์ ตัวอักษรกรีก (Greek alphabet) และตัวอักษรโรมัน (Roman alphabet) เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อเกิดวิวัฒนาการของตัวอักษรในภาษาเขียนมากขึ้น การสื่อสารด้วยผลงานการพิมพ์ จึงถูกสร้างขึ้นมาซึ่งสัมพันธ์กับศิลปะ โดยการพิมพ์ในยุคนั้นได้คิดค้นวิธีการสร้างผลงานการออกแบบทางการพิมพ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยใช้สื่อวัสดุรองรับหลากหลายชนิด อาทิ แผ่นดินเหนียว แผ่นหิน แผ่นไม้ เป็นต้น
1. ต่อมาในศตวรรษที่ 8 ได้มีการเผยแพร่วัฒนธรรมต่างๆ ของจีนไปยังประเทศญี่ปุ่นทำให้มีการผลิตสิ่งพิมพ์ขึ้นครั้งใหญ่ โดยสิ่งพิมพ์ในยุคนั้นเป็นรูปแบบของกระดาษม้วน (scroll) ที่ทำจากผ้า หนังสัตว์ เยื่อไม้หรือกระดาษปาปิรัส สิ่งพิมพ์ที่มีหลักฐานยืนยันได้ว่ามีอายุเก่าแก่สุด คือ กระดาษม้วน ซึ่งเป็นหนังสือคำสอนศาสนาพุทธ “พระสูตรเพชร (Diamond Sutra)” และ “หนังสือแห่งความตาย (The Book of the Dead)” เป็นหนังสือม้วนกระดาษพาไพรัส ((papyrus scrolls)
ต่อมา ชาวโรมันได้พัฒนารูปเล่มเป็นลักษณะแผ่นพับอันเป็นที่มาของรูปแบบหนังสือในปัจจุบันที่เรียกว่า โคเด็กซ์ (Codex) ซึ่งพัฒนาจากกระดาษมาเป็นแผ่นหนังสัตว์ที่ขัดผิวหน้าเรียบ นำมาตัดเป็นหน้าหนังสือ (page) มีขนาดเท่ากันแล้วเย็บเป็นเล่ม
การพิมพ์ในช่วงเริ่มต้นจนถึงประมาณคริสต์ศักราช 1,000 ยังคงเป็นการพิมพ์แบบแม่พิมพ์บล็อก หรือแม่พิมพ์พื้นนูน (block) ที่ต้องแกะแม่พิมพ์ 1 แม่พิมพ์เป็นชิ้นเดียวกันสำหรับ 1 หน้า จนราว ค.ศ. 1041-1048 ชาวจีนชื่อ ไป เชง (Pi Sheng) ได้คิดค้นการพิมพ์แบบเคลื่อนที่ได้หรือตัวเรียง (movable type) โดยนำดินเหนียวที่ได้รับการแกะเป็นตัวอักษรแล้วนำมาเผาไฟให้แข็งแรง
ต่อมา ได้เกิดตัวพิมพ์โลหะขึ้นครั้งแรกในประเทศเกาหลี ราวปี ค.ศ.1234 แต่อักษรเป็นภาษาจีน การค้นพบตัวพิมพ์แบบเคลื่อนที่ได้นี้ ยังทำให้เกิดระบบการพิมพ์แบบใหม่ แทนแบบเดิม คือ ระบบเลตเตอร์เพรส (Letterpress Printing) ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคการพิมพ์ที่เก่าแก่และเป็นต้นแบบทางความคิดของการพัฒนาระบบการพิมพ์ในส่วนอื่นของโลก
วิวัฒนาการทางการพิมพ์ครั้งสำคัญที่สุด เกิดขึ้นราว ค.ศ. 1450 ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นของหนังสือ จึงได้เกิดการพิมพ์ด้วยตัวพิมพ์แบบเคลื่อนที่ได้ในประเทศเยอรมนีโดยช่างทอง โยฮันเนส กูเตนเบิร์ก (Johann Gutenberd) จากการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลที่มีความหนา 1,282 หน้า จำนวน 180 ชุดได้สำเร็จ โดยพิมพ์ด้วยกระดาษ 130 ชุด ที่เหลือพิมพ์ด้วยแผ่นหนัง ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าและหายากมากที่สุด