โลกเปลี่ยนแล้ว นักกฎหมายเปลี่ยนหรือยัง ?

[โลกเปลี่ยนแล้ว นักกฎหมายเปลี่ยนหรือยัง ?]หลังจากมีการเผยแพร่คำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เกี่ยวกับการสมรสเท่าเทียม แม้อาจจะจะดูเป็นที่น่ายินดีที่ศาลได้วินิจฉัยรับรองสิทธิในการสมรสของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเอาไว้ก็ตาม แต่คำวินิจฉัยดังกล่าวก็ยังมีประเด็นที่น่าหยิบยกมาถกเถียงกันต่อ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับมายาคติของคำว่าครอบครัว หรือการนำกฎเกณฑ์ธรรมชาติและการดำรงเผ่าพันธุ์มาใช้เป็นเหตุผลประกอบการวินิจฉัยกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลง
.
ในหลาย ๆ ครั้ง กฎหมายได้ถูกตั้งคำถามจากสังคมว่าเป็นกฎเกณฑ์ที่ไม่เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลง สังคมเขาขยับกันไปถึงไหนกันแล้ว กฎหมายยังคงวิ่งตามสังคมไปอย่างไล่ไม่ทัน คำกล่าวเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นของกฎหมายที่มีต่อสังคม แม้ในหลายครั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้หยิบยกประเด็นเรื่องความล่าช้าในกระบวนการนิติบัญญัติหรือความไม่พร้อมของสังคมมาใช้เพื่ออธิบายปัญหาความล่าช้าเหล่านี้ก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าอุปสรรคอย่างหนึ่งของพัฒนาประเทศก็คือกฎหมายที่ไม่เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลง และนักกฎหมายก็คงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบดังกล่าวได้เช่นกัน
.
เราอยู่ในยุคที่โลกกำลังพูดกันในเรื่องการทัวร์อวกาศ สกุลเงินดิจิทัล หรือโลกเสมือนจริงกันแล้ว หากนักกฎหมายและบทบัญญัติแห่งกฎหมายยังคงหยุดอยู่กับที่และไม่ปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง สถานะของนักกฎหมายก็คงไม่ต่างอะไรกับผู้คุมเวลาที่พยายามจะหยุดกระแสเวลาเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงย่อมไม่มีสิ่งใด (แม้แต่กฎหมาย) ที่จะสามารถหยุดกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมได้ตราบเท่าที่โลกยังคงหมุนอยู่
.
ด้วยเหตุนี้ จึงอยากจะฝากไปยังนักกฎหมาย นักศึกษากฎหมาย รวมทั้งอาจารย์ผู้มีหน้าที่ในการผลิตนักกฎหมายว่าเมื่อโลกของเราได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้กฎหมายหรือแนวคำพิพากษาของศาลจะเป็นสิ่งที่บรรดานักกฎหมายยึดถือเอาไว้ก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่าทั้งกฎหมายและคำพิพากษาก็ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยหนึ่ง ๆ เพื่อปรับใช้กับข้อเท็จจริงในบริบท สภาพแวดล้อมในขณะนั้นเท่านั้น
.
แม้ว่าตัวบทกฎหมายและคำพิพากษาจะมีความสำคัญที่บรรดานักกฎหมายจะต้องศึกษา แต่ก็ไม่สำคัญไปกว่าหลักการและแนวคิดที่อยู่เบื้องหลัง อีกทั้ง การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของกฎหมายในมิติต่าง ๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดทั้งความเปลี่ยนแปลงของสังคมก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
หากนักกฎหมายยังคงยึดติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบทกฎหมายและคำพิพากษาฎีกาโดยไม่ตั้งคำถามถึงบริบทและความเหมาะสมของกฎหมายที่เป็นอยู่ เช่นนี้ ย่อมเป็นการยากที่จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดได้ และก็คงต้องกล่าวว่านักกฎหมายนี่เองที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา
.
ในท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงของสังคมย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยกลุ่มอาชีพ องค์กร หรือบุคคลที่มีชุดความคิดใดความคิดหนึ่งเท่านั้น แต่จะต้องมีการขับเคลื่อนร่วมกันไปทั้งองคาพยพ และนักกฎหมายก็เป็นเพียงหนึ่งในฟันเฟืองดังกล่าวที่จะร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นเดียวกับบุคคลอื่น ๆ ในสังคม
.
สุดท้ายนี้ ขอฝากคำถามตัวโต ๆ ให้นักกฎหมายได้ลองทบทวนว่า
โลกเปลี่ยนแล้ว นักกฎหมายเปลี่ยนหรือยัง ?