การทำเพจการขายสินค้าและสร้างคอนเทนต์การขายสินค้า

บทนำ

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เป็นธรรมดาที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เรื่องที่ไม่คิดว่าเป็นไปได้ในอดีต สามารถเป็นไปได้ในปัจจุบันและจะเป็นไปได้มากขึ้นในอนาคต ปัจจุบันผู้บริโภคในยุคนิวนอมอลหันมาทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านสมารท์โฟนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การรับรู้ และ การเข้าถึงสื่อต่าง ๆ นั้นง่ายกว่าเดิมมาก เมื่อพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเช่นกัน และแต่ละแบรนด์ควรมีแนวทางในการปรับตัวอย่างไรให้ธุรกิจอยู่รอดในยุคออนไลน์

          พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคออนไลน์

เมื่ออินเตอร์เน็ต และ สมารท์โฟนกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตยุคดิจิทัล ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่คนเมือง หรือคนรุ่นใหม่เท่านั้น ทุกคนสามารถเข้าถึงข่าวสารได้พร้อมๆกัน สามารถสั่งสินค้าแบบเดียวกันในเวลาเดียวกัน แม้จะอยู่ไกลกันคนละพื้นที่  มาดูกันว่าพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

1.       พฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

พฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น เน้นความสะดวกสบายเน้นความง่ายในการใช้ชีวิต ซึ่งส่งผลในผู้คนในยุคดิจิทัลสามารถมีธุรกิจออนไลน์เป็นของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านผู้ซื้อกับผู้ขายทำการค้ากันโดยไม่ต้องเห็นหน้า ผู้ประกอบการที่ยังไม่เริ่มปรับตัว ต้องเหนื่อยหน่อย เผลอๆถ้าไม่ทันสถานการณ์แบรนด์อาจจะหายไปจากโลกธุรกิจ

2.       พฤติกรรมการหาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคา ทำได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว

เมื่อผู้บริโภคต้องการสินค้าสักชิ้น สามารถทำได้ง่ายๆ แค่หยิบมือถือขึ้นมาแล้วค้นหาข้อมูล หลากหลายแบรนด์ก็จะปรากฏขึ้นมาให้เลือกสรรมากมาย สินค้ามีจำหน่ายช่องทางไหนบ้าง ราคาเท่าไร คุณสมบัติเป็นอย่างไร แม้ว่าลูกค้ากำลังอยู่ในร้านค้าหากเจอสินค้าที่น่าสนใจก็สามารถค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าชิ้นนั้นได้ทันที

3.       พฤติกรรมการอ่านรีวิวจากผู้ทดลองใช้จริง คำวิจารณ์ ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า

เพราะอำนาจอยู่ในมือผู้บริโภค ทุกคนสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ ลูกค้าจึงกลายเป็นเจ้าของสื่อได้ด้วยตนเอง หากลูกค้ามีความประทับใจในตัวสินค้า แบรนด์ หรือบริการที่ได้รับ พวกเขายินดีที่จะบอกเล่าประสบการณ์ต่างบนโลกออนไลน์ทันที ในทางกลับกันหากไม่ได้รับความพึงพอใจ ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในวงกว้าง

การปรับตวของแบรนด์ในยุคที่เน้นความง่ายในการใช้ชีวิต

แนวทางในการปรับตัวสำหรับแบรนด์ ในยุคที่เน้นความง่ายในการใช้ชีวิต

1.       ทำการตลาดให้ครอบคลุมทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์

แม้พฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่หันมาสั่งซื้อสินค้า และ ชำระเงินบนโลกออนไลน์ แต่ก็ยังมีธุรกิจประภทที่ยังมีหน้าร้านอยู่ เช่นธุรกิจร้านอาหาร เบเกอรี่ และ เครื่องดื่ม ผู้ประกอบการสามารถใช้ช่องทางออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการโปรโมทสินค้าใหม่หรือแจ้งโปรโมชั่นที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยแบรนด์เองยังต้องมีเว็บไซด์ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักบนโลกออนไลน์

2.ต้องปิดการขายให้ได้เร็ว

เมื่อผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกมากขึ้น มี Contentจากหลายช่องทาง ทั้งสินค้าที่มีให้เลือกจากหลากหลายแบรนด์ไม่เพียงแต่เปรียบเทียบความคุ้มค่า ราคา รีวิวในแต่ละแบรนด์เท่านั้น บางครั้งลูกค้าเห็นสินค้าจริงจากหน้าร้าน แต่กลับซื้อผ่านออนไลน์โดยผู้ประกอบการอาจมีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อ ทันที

3.พยายามสร้างคอนเทนต์  ให้ครบทุกช่องทางการขาย

เมื่อลูกค้าสามารถเข้าถึง คอนเทนต์  ความคิดเห็นส่วนบุคคล คำติชม ผ่านทาง โซเชี่ยลหากแบรนด์ได้รับการพูดถึงในแง่ดี ถือเป็นการช่วยโปรโมทไปในตัว นอกจากสินค้าคุณภาพดี ผู้ประกอบการต้องมีความจริงใจต่อลูกค้า บริการเยี่ยมยอด  การที่ลูกค้าค้นหาสินค้าผ่านทางกูเกิล ก็จะพบ คอนเทนต์  มากมายทั้งจากที่ลูกค้าสร้างเอง หรือมาจากแบรนด์ผู้ประกอบการสามารถนำมาเป็น คีย์เวิร์ด ในการสร้าง คอนเทนต์  เพื่อให้ลูกค้าหาเจอและช่วยในการประชาสัมพันธ์แบรนด์

การทำเพจการขายสินค้าต้องเรียนรู้ความสำเร็จจากคนที่เคยสำเร็จมาก่อน หาต้นแบบเพจตัวอย่าง แกะรอยคู่แข่ง หาแนวทางสร้างเพจให้ศึกษาว่า “ทำไมเพจเขาจึงขายดี ”เปรียบเทียบสินค้าของเรากับเขาหาจุดแข็งของเขา ศึกษาหลักการและลักษณะการขายศึกษาวิธีการลงโฆษณา การเขียนคอนเทนต์  ให้มองเพจที่ศึกษาเป็นอาจารย์ของกิจการคุณที่สำคัญเพจที่ศึกษาหลักการต้องคล้ายคุณสำหรับเพจขายสินค้าสินค้าที่เราถนัดมักจะเป็น เอกลักษณ์ของเราหาจุดแข็ง รวมกับจุดยืนของตัวเองให้เจอถามตัวเองว่า คุณมี 5 ข้อนี้หรือไม่

– ความเชี่ยวชาญ

– ความชอบ

– ความถนัด

– ศึกษาการตลาด

วางแผนสำหรับการขายถ้ามีครบ 5 ข้อ รับรองได้เลยว่าเพจของคุณจะสำเร็จถึงเป้าหมายแน่นอนข้อห้าม  อย่าเห็นว่าสินค้าเขาขายดีแล้วทำตามโดยไม่มีความชำนาญด้านสินค้า วิธีการสร้างตัวตนอย่างไรให้คนอยากรู้จัก เพจสร้างตัวตนของเราเปรียบเสมือนหนังสือ 1 เล่ม ดังนั้น ต้องทำให้ผู้คนอยากอ่านหนังสือของเราซึ่ง   องค์ประกอบของหนังสือก็ย่อมสำคัญเช่นกัน

1. ปกหนังสือ ผู้คนจะหยิบจับหนังสือจะดูอย่างแรกคือ “ปก”ถ้าปกหนังสือหน้าสนใจจะดึงดูดคนให้หยิบขึ้นอ่าน

2. คำนำ จะบอกความน่าสนใจภายในหนังสือ บางคนจะอ่านคำนำของหนังสือ เพื่อประมวลผลเนื้อหาภายในคำนำที่น่าสนใจ ใครๆก็อยากอ่านต่อ

3. สารบัญ จะบอกถึงองค์ประกอบ ประเภทเนื้อหาภายในหนังสือ บทต่างๆที่มีในหนังสือ ชื่อบทที่ น่าสนใจจะชวนให้คนติดตาม

4.  บทนำ เมื่อผู้อ่านเริ่มสนใจหนังสือ บทนำเป็นบทแรกที่ผู้อ่านจะให้ความสนใจ ถ้าเกริ่นนำเรื่องดี มีหรือเขาจะไม่เปิดหน้าถัดไป

5.  บทส่งท้ายและคำขอบคุณ ผู้ที่อ่านหนังสือเรา คือผู้ที่ช่วยให้เรามีตัวตนขึ้นมาเปรียบเสมือนผู้ที่ซื้อสินค้า การขอบคุณคือน้ำใจเล็กน้อยที่เราทำได้ ตอนจบที่ประทับใจจะทำให้เขาอยากบอกเรื่องราวของเราต่อให้กับผู้อื่น

6.  เนื้อหา หนังสือที่ดี ต้องทำให้ผู้อ่านเชื่อไปกับเราอินไปกับเรา ให้รู้สึกว่าเราเป็นแนวทางให้เขาได้เป็นเนื้อหาที่เขาคิดว่าจะสามารถนำไปใช้ ให้ความรู้ ความสนุกกับเขา ต่อให้มีเล่มที่ 2 เขาก็พร้อมจะซื้อต่อ

          เมื่อเราเข้าใจหลักการในการสร้างเพจ ไม่ว่าจะเป็นเพจขายสินค้า หรือเพจขายตัวตนปก โลโก้ เนื้อหาเพจ ก็เหมือนกับหนังสือ ถ้าส่วนเหล่านี้น่าสนใจ จะมีแนวโน้ให้คนอยากรู้จักเรามากขึ้น และมาติดตามเรามากขึ้นแล้วคนที่เข้ามาดูเขาหวังอะไร นอกจากปก โลโก้ หรือคำแนะนำเพจที่น่าติดตามแล้ว เมื่อคนกดเข้ามาในเพจก็หวังเพื่อที่จะรู้จักเรามากขึ้น อยากเห็นทัศนคติของเราว่าตรงกับเขาหรือไม่ มีสินค้าที่เขาต้องการหรือไม่ หรือมีคำตอบที่เขาอยากรู้อยู่หรือไม่ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาเห็นได้ นั่นคือ “คอนเทนต์ในเพจเรา”

คอนเทนต์ คือ อะไร แทบปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ในยุคที่ดิจิทัลเฟื่องฟูแบบทุกวันนี้การทำธุรกิจเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพึ่งพากลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ได้เลยซึ่ง“Content Marketing ” ก็นับว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญอีกหนึ่งอย่างของการทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ที่แบรนด์ต่างๆ มักนำมาใช้ในการดึงดูดลูกค้าหรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้เข้าไปติดตามหรือให้ความสนใจ“ Content Marketing ” มัน คืออะไร ทำไมแบรนด์สมัยนี้ถึงให้ความสนใจเรื่องคอนเทนต์กันนัก และจะทำยังไงให้แบรนด์ของคุณเองประสบความสำเร็จได้จากการนำ Content Marketing เข้ามาช่วย ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดแน่นอน Content Marketing ก็คือ เทคนิคหนึ่งด้านการตลาดเป็นการสร้างคอนเทนต์ หรือ เนื้อหาที่มุ่งเน้นการให้ความรู้ลูกค้า หรือตอบคำถามที่ลูกค้าเราน่าจะสนใจ แทนที่จะเป็นการมุ่งขายสินค้า เกี่ยวกับแบรนด์อย่างเดียวเพื่อเรียกรายได้เข้าสู่กระเป๋าของเรา ก็จะเป็นการเน้นการแสดงความจริงใจและให้ความรู้ที่ถูกต้องกับลูกค้าแทน คอนเทนต์เป็นหนึ่งในแผนการตลาดที่สามารถสร้างรายได้ และสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจให้เข้ามาหาเราได้ง่ายขึ้น  ทำไมต้องมีคอนเทนต์ก็เพื่อให้ผู้คนรู้จักกับเรามากขึ้น สร้างโอกาสในการขายสร้างความไว้วางใจหรือสามารถสร้างประโยชน์ให้คนที่ผ่านเข้ามาอ่านให้บุคคลที่เข้ามาอ่านรับรู้ถึงธุรกิจและกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น   สร้างกลุ่มธุรกิจให้ผู้คนรู้จักในอนาคตความรู้กับบุคคลทั่วไปแล้วเราทำคอนเทนต์ไปทำไมเพจที่มีในปัจจุบัน  อยากติดตามเรามากขึ้นแสดงตัวตนของเราให้ผู้อื่นได้รับรู้เพื่อสำหรับขายของ เราต้องการให้ใครมาเห็นคอนเทนต์เรา ปัญหาใหญ่ของการทำคอนเทนต์คือ “เราไม่รู้ว่าเราต้องการใคร หรือต้องการลูกค้าแบบไหน” เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราต้องการคนที่มีพฤติกรรมยังไง นิสัยแบบไหน ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรถ้าเรารู้กลุ่มเป้าหมายชัดเจนแล้ว เราก็นำเสนอสิ่งนั้นไปยื่นให้เขาโดยที่เราต้องคำนึงเสมอว่าโพสต์ของเราสื่อสารกับใครอยู่กลุ่มเป้าหมายของเราชอบอะไร ต้องการอะไรสื่อแบบไหนที่ดึงความสนใจให้คนเข้ามาดูคอนเทนต์ เราจะหาคนที่เราต้องการได้จากไหนเราต้องรู้ก่อนที่จะทำคอนเทนต์ว่า คนที่เราต้องการพวกเขาอยู่ที่ไหนบ้าง อาจเป็นตามแฮชแท็กต่างๆในอินสตราแกรมทวิตเตอร์ คีเวิร์ดที่คนค้นหาในยูทูป หรือโฆษณาในเฟซบุ๊ค ดังนั้นหลักๆที่เราคนหาจะอยู่ในโซเชียลมีเดียเหล่านี้เฟซบุ๊คโปรไฟล์ สามารถลงคอนเทนต์ในเฟซบุ๊คเราเองให้น่าสนใจเพื่อให้คนที่ติดตามเฟซบุ๊คเราสามารถเข้าถึงเพจเราได้ง่ายขึ้น เฟซบุ๊คเพจ ถ้าเราสามารถทำคอนเทนต์ได้ตรงต่อความต้องการของผู้ที่สนใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม จะทำให้บุคคลเหล่านั้นเข้ามาติดตามเพจเราได้ง่ายขึ้น อินสตราแกรมเป็นอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่มีผู้เล่นจำนวนมาก และยังสามารถเชื่อมต่อกับเฟสบุ๊คได้ แต่ข้อเสีย คือ เครื่องมือ การแก้ไขภาพมีข้อจำกัด และ แทบจะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการใช้ภาพ ทวิตเตอร์ เป็นอีกช่องทางที่รับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวของข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ รูปภาพ อัพเดตสถานการณ์ต่าง ๆ แบบนาทีต่อนาที เรื่องอะไรที่กำลังเป็นประเด็นร้อนประเด็นเด่นของสังคมในเวลาดังกล่าวผู้ที่ใช้งานสามารถที่จะรับรู้ได้ทันทีโดยสามารถดูได้จาก เทรนด์หรือมีการติดแฮชแท็กเราก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรหรือสังคมกำลังไปทางไหน ซึ่งเราสามารถนำประเด็นร้อนจากเทรนด์ มาสร้างเป็นคอนเทนต์เพื่อการโฆษณาได้

ประเภท คอนเทนต์แบ่งง่ายๆออกเป็น 4 ประเภท

–         Educateให้ความรู้คอนเทนต์เหล่านี้ให้มีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการสอนทำอาหาร รีพอร์ตในเชิงความรู้ บทความต่างๆ หรือการแนะนำทางด้านสุขภาพ นับว่าเป็นคอนเทนต์ที่มีประโยชน์อยู่ไม่น้อย

–         Entertain สนุกสนานเป็นคอนเทนต์ที่ให้ทางด้านความสนุกสนานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเกมชิงรางวัล ถามตอบ ไวรัล ซึ่งเป็นแนวคอนเทนต์ที่ให้ความสนุกสนาน คอนเทนต์ประเภทนี้ถ้าลงบน  Social Media อย่าง Facebook มักจะได้การตอบรับเป็นจำนวนมาก

–         คอนเทนต์ที่เน้นขายคอนเทนต์ที่เน้นการขายตรงๆ จะไม่ค่อยน่าสนใจ การแชร์หรือคนบอกต่อน้อย ซึ่งเป็นธรรมชาติ ยกเว้นเสียแต่ว่ามีโปรโมชั่นดี โปรเด็ด ทำให้คนช่วยบอกต่อได้เช่นกันจะเห็นได้ว่าคอนเทนต์มีมากมายหลายประเภทที่เราจะต้องทำ

–         Inspire กระตุ้นเรามักจะเห็นคอนเทนต์ แนวกระตุ้นคือการให้ดารา เซเลป หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลบนสื่อต่าง ๆ มารีวิวผลิตภัณฑ์การใช้สินค้า หรือเป็นพรีเซนเตอร์ก็ตาม มักจะเน้นกระตุ้นทางอารมณ์เป็นหลัก เช่น สนุกสนาน บางประเภทอาจเศร้า ขึ้นกับสินค้า

ความรู้จักและเข้าใจให้มากขึ้น ใช่ว่าการเลือกทำคอนเทนต์ประเภทใดประเภทหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น ในช่วงแรกแนะนำให้ความคอนเทนต์ที่หลากหลาย แล้วดูผลตอบรับว่าเป็นอย่างใดจากนั้นค่อยนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับแบรนด์สินค้าของเราเองจะดีที่สุด

เคล็ดลับง่ายๆในการเขียนคอนเทนต์

1. รวบรวมไอเดียก่อนเขียน

2. พาดหัวข้อดี ใครๆก็อยากเข้าดู

3. รูปภาพ และวิดีโอที่ น่าสนใจ

4. เจาะจงต่อกลุ่มเป้าหมาย

5. เห็นแล้วรู้ทันทีว่าขายอะไร

6. ทำให้มองวัตถุด้านหน้าก่อนด้านหลัง

7. ไม่กลืนไปกับพื้นหลังของเฟซบุ๊ค

8. ทำสินค้าให้เชื่อถือและมั่นใจเรา

9. ให้ความรู้กับบุคคลทั่วไป

สรุป การทำเพจ ย่างไรให้คนสนใจคอนเทนต์ของเรา อย่างแรกโฟกัสปัญหาที่มีของลูกค้า อย่างที่สองโฟกัสผลลัพธ์ และความต้องการของลูกค้า ไม่ ต้องทำ สิ่งที่ไม่อยากทำ สิ่งที่ไม่ชอบ  เช่น(อยากผอมไม่ อยากอด = ผอมได้โดยไม่ต้องอด) ใช้ สิ่งกระตุ้นความสนใจ (รูปภาพ วิดีโอ ใช้คำที่ทำให้คนรู้สึกว่าต้องรู้หรือไม่อยากพลาด) ใช้ หัวข้อที่เป็น “คำคม วลี คำฮิตติดปาก” วิเคราะห์กลุ่มลูกค้า ลูกค้าคุณคือใคร สร้างแบรด์ให้ตรงตามกลุ่มลูกค้า

– เลือกสินค้า  คุณภาพ

– ออกแบบสินค้า  เพจ และ โลโก้

– ราคาขาย

– ช่องทางจำหน่าย

– การลงโฆษณา

วิเคราะห์ลูกค้าของเราเป็นอย่างไร

–  ข้อมูลส่วนตัว/การใช้ชีวิต

–  เพศ/ มีนิสัยอย่างไร

–  อายุ/ใช้ชีวิตอย่างไร

–  อาชี พ/ชอบทำอะไร

เมื่อได้กลุ่มเป้าหมายชัดเจน แบรนด์คุณจะมีฐานลูกค้าชัดเจน และลูกค้าจะกระจายลูกค้าให้คุณเอง

 

เอกสารอ้างอิง

มัณฑิตา จินดา (2563) ใช้ Facebook ถูกวิธียอดขายดีขึ้น100เท่า. บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด   มหาชน. กรุงเทพ

บรินดา แฮนเซ่น (2561). เปลี่ยนFacebook ธรรมดาให้เป็นร้านค้าเงินล้าน. สำนักพิมพ์ไอแอมเดอะเบสท์  ปทุมธานี

เอกสารประกอบการเรียน ครบทุกเรื่องออนไลน์สร้างรายได้ด้วยมือถือ

เอกสารประกอบการเรียน เปลี่ยนคอนเทนต์แป้กให้ดัง ขายอะไรก็ขายได้ด้วยFacebook