ความมหัศจรรย์ที่ได้จากการนอนหลับ
ชลพร กองคำ
การนอนหลับมีความสำคัญต่อสุขภาพในทุกช่วงอายุ 1 ใน 3 ของชีวิตคือการนอน และถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยรวม ในยุคปัจจุบันที่คนไทยเผชิญกับความเครียดและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ทำให้บุคคลต้องใช้เวลากับการทำงานเพื่อให้ตนเองมีรายได้สูงขึ้นเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจึงใช้เวลากับการนอนหลับพักผ่อนแต่ละวันไม่ถึง 5-6 ชั่วโมง จะส่งผลเสียต่อการทำงานของทุกระบบของร่างกายโดยแสดงออกมาในรูปความเจ็บป่วยในรูปแบบต่างๆรุนแรงขึ้น ตามระยะเวลาของการมีพฤติกรรมการนอนที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นการตระหนักถึงความสำคัญของการนอนหลับ จึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยสามารถสรุปเหตุผลและความสำคัญได้ดังต่อไปนี้:
1. การฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ: การนอนหลับให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูการทำงานของระบบต่างๆ ทั้งระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบเผาผลาญอาหาร (Walker, 2017). การนอนหลับที่เพียงพอยังมีส่วนสำคัญในการปรับปรุงอารมณ์และสุขภาพจิต (Hirshkowitz et al., 2015)
2. การพัฒนาสมอง: การนอนหลับช่วยในการเสริมสร้างความจำและการเรียนรู้ โดยกระบวนการสร้างความทรงจำเกิดขึ้นในช่วงที่นอนหลับ (Diekelmann & Born, 2010) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนและบุคคลที่ทำงานในงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
3. การควบคุมน้ำหนัก: การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนัก เนื่องจากมีผลต่อระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร (Cappuccio et al., 2008) การนอนไม่พออาจทำให้เกิดความกระหายต่ออาหารที่มีแคลอรีสูง
4. การส่งเสริมสุขภาพทางกายและจิต: การนอนหลับที่เพียงพอช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคซึมเศร้า (Cohen et al., 2009) สุขภาพดีขึ้นจะนำไปสู่การมีพลังงานมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
5. ความจำเป็นในยุคดิจิทัล: ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิต ความเครียดจากการใช้งานสื่อดิจิทัลและการทำงานในโลกออนไลน์สามารถส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ (Roehrs & Roth, 2010)
ประโยชน์ของการนอนที่มีคุณภาพ
บุคคลสามารถสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของการนอนหลับที่มีคุณภาพได้จากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตประจำวันที่ดีขึ้น ทำให้มีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว การนอนหลับที่มีคุณภาพสามารถส่งผลต่อชีวิตประจำวันในหลายด้าน ทั้งด้านสุขภาพกายและจิตใจ บุคคลสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ดีขึ้นเมื่อได้นอนหลับอย่างเพียงพอ ซึ่งสามารถรับรู้ได้ด้วยตนเองดังต่อไปนี้
1. ความรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า: การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยทำให้ร่างกายฟื้นฟูและทำงานได้มีประสิทธิภาพในวันถัดไป บุคคลจะรู้สึกสดชื่นและมีพลังงานมากขึ้น (Hirshkowitz et al., 2015)
2. อารมณ์ที่ดีขึ้น: ผู้ที่นอนหลับอย่างมีคุณภาพมักจะมีอารมณ์ดี ลดความเครียดและความวิตกกังวล สามารถจัดการกับอารมณ์และปัญหาในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น (Walker, 2017)
3. สมาธิและความสามารถในการเรียนรู้: การนอนหลับที่เพียงพอช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ ทำให้บุคคลสามารถทำงานหรือเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Diekelmann & Born, 2010)
4. การจัดการน้ำหนัก: การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้เกิดความรู้สึกหิวและการกินที่ไม่เหมาะสม ผู้ที่นอนหลับดีมักจะมีการควบคุมอาหารและน้ำหนักได้ดีกว่า (Cappuccio et al., 2008)
5. การเผาผลาญที่ดีขึ้น: การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยส่งเสริมการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้มีระดับพลังงานที่เหมาะสมในระหว่างวัน (Roehrs & Roth, 2010)
6. ความคิดสร้างสรรค์: หลายคนรู้สึกว่าการนอนหลับช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การฝันหรือการผ่อนคลายในระหว่างการนอนหลับสามารถช่วยผลักดันแนวคิดใหม่ๆ (Wagner et al., 2004)
7. สุขภาพฟันและระบบภูมิคุ้มกัน การนอนหลับที่ดีช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม รวมไปถึงสุขภาพช่องปากและระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งทำให้ร่างกายของบุคคลสามารถตอบสนองต่อการติดเชื้อได้ดีกว่า (Cohen et al., 2009)
สรุป
บุคคลสามารถสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของการนอนหลับที่มีคุณภาพได้จากประสบการณ์ตรงในการใช้ชีวิตประจำวันที่ดีขึ้น ยิ่งนอนได้คุณภาพต่อเนื่อง จะทำให้มีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาวทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านสุขภาพจิต และมีสัมพันธภาพที่ดี
เอกสารอ้างอิง
1. Cappuccio, F. P., D’Elia, L., Strazzullo, P., & Miller, M. A. (2008). Sleep duration predicts
cardiovascular outcome: a systematic review and meta-analysis of prospective studies.
Sleep, 31(7), 1027-1037.
2. Cohen, S., Janicki-Deverts, D., & Miller, G. E. (2009). Psychological stress and disease. JAMA,
298(14), 1685-1687.
3. Diekelmann, S., & Born, J. (2010). The memory function of sleep. Nature Reviews
Neuroscience, 11(2), 114-126.
4. Hirshkowitz, M., Whiton, K., Albert, S. S., et al. (2015). National Sleep Foundation’s sleep time
duration recommendations: update. Sleep Health, 1(4), 233-243.
5. Roehrs, T., & Roth, T. (2010). Sleep, sleepiness, and circadian rhythms. Clinical Cornerstone,
9(1), 12-24.
6. Walker, A. (2017). Why We Sleep: Unlocking the Power of Sleep and Dreams. Scribner.
7. Wagner, U., Gais, S., & Haider, H. (2004). Sleep inspires insight. Nature, 427(6972), 352-355.