ราชนิรันดร์ ดวงชัย
สาขาวิชาออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา [email protected]
อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสำคัญตลอดประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตของประเทศมหาอำนาจอย่างจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี และอินเดีย ได้กำหนดรูปแบบการแข่งขันในตลาดรถยนต์โลกอย่างมาก ในปัจจุบัน จีนได้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดรถยนต์โลก การวิเคราะห์แนวโน้มและความท้าทายเหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างชัดเจน
บทคัดย่อ:
อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของจีนในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จีนได้กลายเป็นผู้นำในตลาด EV และส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโลก สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นกำลังปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว. บทความนี้จะวิเคราะห์แนวโน้มและความท้าทายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ระหว่างปี 1950-2022 และมองไปสู่อนาคตของอุตสาหกรรมนี้.
Abstract:
The automotive industry is undergoing significant changes, particularly with China’s rapid growth as the world’s largest vehicle producer, driven by its increasing electric vehicle (EV) production. China has become a leader in the EV market, impacting global competition. The United States and Japan are adapting to maintain their competitive edge in this rapidly evolving market. This article analyzes the trends and challenges in the automotive industry from 1950 to 2022 and looks forward to its future.
ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มได้รับความนิยม และจีนได้กลายเป็นผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก มีการลงทุนจากต่างประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและประสบการณ์ในการบริหารจัดการ ส่งผลให้แบรนด์จีนสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ.
ในปี 2001 การผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น จีนผลิตรถยนต์ได้ถึง 2,340,209 คัน และเพิ่มขึ้นเป็น 3,262,947 คันในปี 2002 จากนั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนได้เข้าสู่การผลิตแบบจำนวนมาก (mass production)
ปี 2019 Tesla มีบทบาทสำคัญในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในจีน โดยเปิดโรงงาน Gigafactory ในเซี่ยงไฮ้ใน ซึ่งเป็นโรงงานที่ Tesla สร้างขึ้นโดยไม่ต้องมีพันธมิตรท้องถิ่น ทำให้เป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่ดำเนินการเช่นนี้ในจีน การเข้ามาของ Tesla ช่วยกระตุ้นการแข่งขันในตลาด EV ของจีนและทำให้แบรนด์ท้องถิ่นมีแรงจูงใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น.
ในปี 2023 อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จีนมียอดการผลิตรถยนต์ถึง 30,161,000 คัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ยอดการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ของจีนบรรลุถึง 30 ล้านคัน
การเติบโตของรถยนต์พลังงานใหม่ อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 ยอดการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่มีถึง 9,587,000 คัน เพิ่มขึ้น 35.8% เมื่อเทียบกับปี 2022 จีนได้กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีส่วนแบ่งตลาดที่สูงและส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก
การลงทุนและเทคโนโลยี การลงทุนจากต่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน บริษัทต่างชาติหลายแห่งได้เข้ามาลงทุนและร่วมมือกับบริษัทจีน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างฐานการผลิตในประเทศ. นอกจากนี้ จีนยังมุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์อัจฉริยะและระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ปัจจุบัน จีนมีกำลังการผลิตรถยนต์สูงกว่าความต้องการบริโภคในประเทศ (โอเวอร์ซัปพลาย) ในปี 2022 จีนผลิตรถยนต์ 27 ล้านคัน แต่การซื้อรถยนต์ภายในประเทศลดลง 36% ในเดือน ม.ค. 2023 โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานสันดาบที่มีสถานการณ์โอเวอร์ซัปพลายรุนแรง โรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งเดินกำลังผลิตเพียงประมาณ 50% มีรถยนต์ค้างในสต๊อก 4.05 ล้านคัน ทำให้หลายโรงงานลดกำลังการผลิตและการจ้างงาน
เพื่อลดความกดดัน รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ สนับสนุนการซื้อรถยนต์ทั้งมือหนึ่งและมือสอง โดยให้สิทธิพิเศษทางภาษี เงินอุดหนุน หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ต้องดูว่าการกระตุ้นนี้จะช่วยอุตสาหกรรมรถยนต์ได้มากแค่ไหน ประชาชนจะยอมใช้จ่ายกันมากขึ้นหรือไม่
ในปี 2024 รถยนต์แบรนด์จีนที่ขายดีในตลาดจีน ได้แก่:
1. BYDขายได้ 1.607 ล้านคัน
2. Cheryขายได้ 1.057 ล้านคัน
3. Geelyขายได้ 955,000 คัน
4. Changanขายได้ 809,000 คัน
ยอดขายรถยนต์ในจีนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย BYD ยังคงเป็นผู้นำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ในขณะที่ Volkswagen และ Toyota ยังคงมีความนิยมสูงในตลาดรถยนต์ทั่วไป (Car wizard/ Top 15 best-selling car brands in China /https://www.carwizard.co.th/ July 16, 2024)
นอกจากนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดย BYD ครองส่วนแบ่งตลาด EV อย่างชัดเจน ยกตัวอย่าง 4 แบรนด์รถยนต์จากจีน 3 อันดับแรกที่กำลังเจริญเติบโตในปี 2024 ได้แก่
1. BYD ในปี 2024 รถยนต์แบรนด์ BYD ที่ขายดี ได้แก่:
1) BYD Seagull เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ราคาถูกที่สุดของแบรนด์
2) BYD Dolphin รถยนต์ไฟฟ้าขนาดซับคอมแพกต์
3) BYD Atto 3 รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ขนาดซับคอมแพกต์
4) BYD Sealรถยนต์พรีเมียมที่มีราคาเริ่มต้นที่ 1,325,000 บาท
ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าระดับสูง BYD ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกในปีนี้ที่ 4 ล้านคัน
ภาพที่ 1 BYD Seagull
ที่มา : (BYD/ Auto/ https://www.byd.com/en-th/ n.d.)
2. Geely ในปี 2024 รถยนต์แบรนด์ Geely ที่ขายดีในตลาดจีนคือ Geely EX5 ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า 100% ที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2024 โดยมีสองรุ่นย่อย ได้แก่ EX5 Pro และ EX5 Max.
1) EX5 Pro: ราคาเริ่มต้นที่ 899,000 บาท
2) EX5 Max: ราคาเริ่มต้นที่ 989,000 บาท
ทั้งสองรุ่นมีแบตเตอรี่ขนาด 60.22 kWh ซึ่งสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 495 กม.การออกแบบที่ทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอัจฉริยะและเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ทันสมัย
ภาพที่ 2 EX5 Pro
ที่มา : (Geely/ Models/ https://global.geely.com/ n.d.)
3. Chery ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 อยู่ที่ 955,000 คัน ทำให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ขายดีที่สุดในจีน ในปี 2024 รถยนต์แบรนด์ Chery ที่ขายดีในตลาดจีน ได้แก่:
1) Chery Tiggo 9 – เป็น SUV หรูที่มีขนาด 5-7 ที่นั่ง ขุมพลัง 2.0T กำลัง 261 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 772,000 บาท.
2) Chery Tiggo 7 – รถ SUV รุ่นยอดนิยมที่เปิดตัวใหม่ในปี 2024 มีให้เลือกหลายรุ่นย่อย ราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 74,900 – 96,900 หยวน (ประมาณ 275,000 – 356,000 บาท).
3) Chery OMODA C5 EV – รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมอเตอร์ 204 แรงม้า และสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 460 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง.
Chery มียอดขายรวมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 อยู่ที่ 1.057 ล้านคัน ทำให้เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ขายดี
ภาพที่ 3 Chery Tiggo 7
ที่มา : (Chery/ Model/ https://www.cheryinternational.com/ n.d.)
4. Changan ในปี 2024 รถยนต์แบรนด์ Changan ที่ขายดีในตลาดจีนและไทย ได้แก่:
1. Changan DEEPAL S07 – เป็น SUV ที่ได้รับความนิยมสูง โดยมียอดขายถึง 5,000 คันในตลาดไทยภายในปีแรกของการเปิดตัว ทำให้ติดอันดับท็อป 10 ของตลาด SUV ทั้งหมดในไทย.
2. Changan DEEPAL L07 – รถยนต์ไฟฟ้าที่มีการออกแบบทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ในกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่.
Changan มีแผนที่จะขยายการผลิตและเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ เช่น DEEPAL E07 ในงาน Motor Expo ปี 2024 และมีการลงทุนในการสร้างโรงงานผลิตในจังหวัดระยองเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาในอนาคต. ยอดขายรวมของ Changan ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 อยู่ที่ 809,000 คัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและ SUV
ภาพที่ 4 Changan DEEPAL L07
ที่มา : (Changan Deepal/ https://www.changan.co.th/ n.d.)
ภาพที่ 5 เทียบ 5 ประเทศมหาอำนาจแห่งตลาดยานยนต์ ตั้งแต่ปี 1950-2022
ที่มา : (International Organization of Motor Vehicle Manufacturers/ tag cloud car global production 1950-2022/ https://www.oica.net/ n.d.)
วชิรวิชญ์ กิติชาติพรพัฒน์ ได้กล่าวถึงการเปรียบเทียบ 5 ประเทศมหาอำนาจในตลาดยานยนต์ระหว่างปี 1950-2022 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมนี้ โดยข้อมูลจาก องค์กรระหว่างประเทศของผู้ผลิตยานยนต์ (OICA) ระบุว่า:
จีน เป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดในโลกในปี 2022 ด้วยยอดการผลิต 27,020,615 คัน หรือคิดเป็น 31% ของยอดการผลิตทั่วโลก ซึ่งมากกว่าสหรัฐอเมริกาที่ผลิตได้ 10,060,339 คัน และญี่ปุ่นที่ผลิต 7,835,519 คัน.
แนวโน้มการผลิตของจีนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถ่างออกจากประเทศอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ.
สหรัฐอเมริกาเคยเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ก่อนที่จีนจะเข้ามาแทนที่ โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่สำคัญ เช่น การผลิตแบบสายพานโดย เฮนรี ฟอร์ด.
ญี่ปุ่นเริ่มผงาดขึ้นในตลาดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยแนวทางการพัฒนาที่เน้นการเรียนรู้และพัฒนานวัตกรรม.
การมาถึงของ Tesla ในปี 2008 ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นกระแสหลัก และช่วยให้สหรัฐอเมริกากลับมาอยู่ในความสนใจของตลาด.
บทวิเคราะห์ในปี 2022-2023 ตั้งคำถามว่า ญี่ปุ่นจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังหรือไม่ ในแง่ของยอดขายและนวัตกรรมการผลิต เนื่องจากจีนกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาด EV (วชิรวิชญ์ กิติชาติพรพัฒน์/ tag cloud car global production 1950-2022/ https://spacebar.th/ 5 ธ.ค. 2566)
อุตสาหกรรมรถยนต์มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญตลอดประวัติศาสตร์ สรุปโดยรวมได้ดังนี้
1886: รถยนต์คันแรกถูกประดิษฐ์ขึ้นในเยอรมนีโดย คาร์ล เบ็นทซ์ ซึ่งใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน.
ต้นศตวรรษที่ 20: ยุโรปเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ จนกระทั่ง เฮนรี ฟอร์ด คิดค้นการผลิตแบบสายพาน ทำให้ Ford Model T กลายเป็นรถยนต์ที่ราคาจับต้องได้สำหรับชนชั้นกลาง และทำให้สหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดรถยนต์.
1960s ญี่ปุ่นเริ่มผงาดขึ้นในตลาดรถยนต์โลกด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตที่มีประสิทธิภาพ จนกลายเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ระดับโลก.
2008 การเปิดตัว Tesla Roadster ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นที่นิยมและช่วยให้สหรัฐอเมริกากลับมาอยู่ในสปอตไลท์ของตลาด.
2010s จีนเริ่มพัฒนารถยนต์โดยเน้นตลาดในประเทศและเข้าสู่ตลาด EV ด้วยความทะเยอทะยานที่จะท้าชนสหรัฐอเมริกา.
2017 BYD Auto ขยายธุรกิจไปยังยุโรป ตั้งโรงงานผลิตรถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า.
2022-2023 การเติบโตของ EV จากจีนทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของญี่ปุ่นในตลาดรถยนต์.
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
สรุป
อุตสาหกรรมยานยนต์จีนตั้งแต่ปี 2001 ถึงปัจจุบันได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและการขยายตัวของตลาด. จีนไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังเป็นผู้นำในการพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งส่งผลให้มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก
โดยรวมแล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์จีนได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงและพัฒนามาอย่างมาก ตั้งแต่การเริ่มต้นผลิตรถบรรทุกในปี 1968 จนถึงการเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกในปัจจุบัน โดยมีการลงทุนจากต่างประเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตนี้
อ้างอิง
1. https://spacebar.th/business/tagcloud-car-global-production-1950-2022
2. https://www.the101.world/automotive-industry-in-indonesia/
3. https://spacebar.th/business/economy-when-thailand-changed-combustion-vehicles-to-electric-vehicles-bev
4. https://data.thaiauto.or.th/images/PDF/Autostatus/status_year2020.pdf
5. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jmbr/article/view/269497/187408
6. https://data.thaiauto.or.th/images/PDF/AutoStatus/status2011.pdf
7. https://www.mreport.co.th/video/320-Thailand-Automotive-Trend-2023
8. http://carallstyle.com/2023/01/03/color-popula-report-22/